ประเภทของบทความสามารถพิจารณาได้หลายลักษณะ แต่ในที่นี้จะจำแนกเป็น 10
ประเภทเพื่อเน้นไปที่การสอบ ก.พ. ดังนี้
1. บทความเชิงบรรยาย (Narrative Article)
บทความเชิงบรรยายเป็นบทความที่บรรยายประสบการณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นในลักษณะแปลกใหม่ ต้องบอกแก่ผู้อ่านเท่าที่ตนทราบ
โดยบอกได้อย่างถูกต้อง ไม่น่าเบื่อ กล่าวคือการบรรยายให้ผู้อ่านสนใจ ประทับใจ
เขียนให้เห็นจริงเห็นจัง โดยละเอียด ใช้ภาษาเรียบ ง่าย ไม่กำกวม ไม่วกวน
ในการเขียนโดยมากจะกล่าวถึงการใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งหรือบุรุษที่สาม
กล่าวคือถ้าเป็นการใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง
จะเป็นการบรรยายประสบการณ์ในเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดของผู้เขียนที่บรรยายเป็นงานเขียนออกมา
ถ้าเป็ฯการใช้สรรพนามบุรุษที่สาม
จะเป็ฯการบรรยายถึงประสบการณ์ของบุคคลอื่นซึ่งเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ผู้เขียน
2. บทความเชิงแสดงบุคลิกภาพ (Personality Sketch Article)
บทความเชิงแสดงบุคลิกภาพ เป็นบทความที่มุ่งให้ผู้อ่านทราบคุณลักษณะบุลิกภาพของบุคคลที่ทำให้บุคคลนั้นมีชื่อเสียง
สิ่งซึ่งทำให้บุคคลมีจุดเด่น น่าสนใจ การเขียนจะยึดหลักข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
และใช้ความคิดเห็นจากบุคคลอื่นประกอบ ทั้งต้องระลึกเสมอว่าไม่ใช่เป็นการเขียนชีวประวัติบุคคล
3. บทความเชิงสัมภาษณ์ (Interview Article)
บทความเชิงสัมภาษณ์เป็นบทความแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่อปรากฏการณ์ใด
โดยปกติบทความประเภทนี้มักจะมีคำถาม คำตอบสลักกับแกนรูปแบบการเขียนลักษษณะร้อยแก้ว
เหมือนกับบทความประเภทอื่น ๆ
อย่างก็ดีในการเขียนผู้เขียนควรแทรกเกร็ดของเรื่องหรือแต่ละประเด็ในบางตอนเพื่อขจัดความน่าเบื่อ
4. บทความเชิงสาธิตวิธีการ (How-to-do-it Article)
บทความเชิงสาธิตวิธีการเป็นบทความที่เขียนเพื่ออธิบายการกระทำตามขั้นตอนหรือกระบวนการอย่างใดอย่างหนึ่ง
โดยเริ่มตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดขั้นตอน หรือครบกระบวนการ
เพื่ผู้อ่านอ่านจนสามารถนำไปปฏิบัติได้
การเขียนบทความประเภทนี้จะต้องเขียนให้รายละเอียดมากกว่าการเสนอเพียงข้อมูลเท่านั้น
5. บทความความเรียง (Essay Article)
บทความความเรียง เป็นบทความที่ค่อนข้างสั้น
จะต้องจัดการลำดับข้อเท็จจริง การเสนอประเด็นที่จัดกุม
เพราะมีประเด็นในการเขียนเพียงประเด็นเดียว
การเขียนบทความความเรียงนี้ จะแตกต่างกับการเขียนเรียงความธรรมดามาก
ดังนั้น ผลงานเขียนบทความประเภทนี้จะสะท้อนให้เห็นสมรรถนะหรือบุคลิกลักษณะการเขียนของผู้เขียนแต่ละคน
เพราะว่า บทความเชิงความเรียงนี้ยังแยกตามวัตถุประสงค์การเขียนได้อีก 5 ลักษณะ คือ
5.1 บทความเพื่อให้ข่าวสาร (Information Article)
บทความเพื่อให้ข่าวสารเป็นบทความที่มุ่งให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากข่าว
แต่การเขียนรูปแบบต่างกับการเขียนข่าว กล่าคือ
เขียนตามเนื้อหาสาระตามลำดับที่ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านได้ทราบ
ดังนั้นบรรณาธิการ ไม่สามารถตัดข้อความในตอนท้ายของบทความออกได้
5.2 บทความเพื่อแสดงความเห็น (Opinion Article)
บทความเพื่อแสดงความเห็นเป็นบทความที่เสนอความคิดเห็นของผู้เขียนในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ด้วยเหตุผล และข้อเท็จจริงแก่ผู้อ่าน
ความคิดเห็นดังกล่าวจะต้องแปลกกว่าที่เคยมีมา
และเป็ฯในทางสร้างสรรค์มีความเป็นไปได้ น่าสนใน แต่ต้องไม่ใช่ความคิดเห็นเป็นลักษณะโฆษณาชวนเชื่อ
(propaganda) ประการสำคัญความคิดเห็นนั้นจะต้องมากจากการบูรณการของข้อเท็จจริง
5.3 บทความเพื่อการอธิบาย (Interpreted Article)
บทความเพื่อการอธิบายเป็นบทความที่มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับบทความเพื่อการให้ข่าวสาร
และบทความเพื่อแสดงควาเห็น
แต่มีความแตกต่างกันตรงที่
บทความเพื่อการอธิบายจะให้แง่มุมที่ลึกซึ้งกว่า
โดยเฉพาะจะเป็ฯการตอบคำถามของคำถามเหล่านี้ คือ ใคร อะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน ทำไม
และอย่างไร ซึ่งจะเน้นตอบคำถามอย่างไรมากกว่า
5.4 บทความชวนขัน (Humorous Article)
บทความชวนขันเป็นบทความที่ค่อนข้างเขียนยากเพราะว่า
การเขียนบทความชวนขัน ในที่นี้ไม่ใช่เป็นการเขียนมุขตลกขบขัน
แต่เป็นการเขียนจากข้อเท็จจริง
โดยใช้ข้อมูลในบางเรื่อง อาจเป็นข้อเท็จจริงที่หนักสมองแต่นำมาเขียนให้ชวนขัน
ซึ่งในขณะขบขันนั้นจะมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นพร้อมกัน เช่น ขบขันทั้งน้ำตา
การเขียนบทความลักษณะนี้
จะเริ่มต้นจากการเขียนที่มีลีลาที่สุภาพเรื่อยไปจนกระทั่งมีบางตอนบางแห่งหรือหลายแห่งจะมีถ้อยคำหรือข้อความเป็นลักษณะหยิกแกมหยอก
ยั่วยุ เสียดสี ฯลฯ โดยใช้คภชวนขัน
5.5 บทความกระตุ้นจิตสำนึก (Inspirational Article)
บทความกระตุ้นจิตสำนึกเป็นบทความที่ผู้เขียนมุ่งเสนอประสบการณ์ของตนเองหรือผู้อื่นเกี่ยวกับความเชื่อ
ศาสนา การตัดสินใน ความมานะ พยายาม ความอดทน ความเจ็บป่วย ฯลฯ
เพื่อกระตุ้นหรือปลุกระดมให้ผู้อ่านมีความสำนึกในบางเรื่องบางสถานการณ์
6. บทความเชิงโต้แย้ง (Controversial Article)
บทความเชิงโต้แย้งเป็นบทความที่มีประเด็นปัญหาที่แตกต่างกันในเชิงความคิด
ผู้เขียนเสนอข้อเท็จจริงและเหตุผลให้มีความสมดุลระหว่างประเด็นที่แตกต่างกัน
แล้วปล่อยให้ผู้อ่านได้พิจารณาตัดสินเอง
7. บทความเชิงวิจารณ์ (Critical Article)
บทความเชิงวิจารณ์เป็นบทความที่เกี่ยวกับวรรณกรรมหรือศิลปกรรม
บทความประเภทนี้มี 2 ลักษณะ
ลักษณะแรก
เป็นการเขียนแนะนำให้ทราบแม้จะมีการวิจารณ์ก็ไม่ค่อยจะรุนแรงมาก
ส่วนอีกลักษณะเป็นการเขียนวิจารณ์ที่รุนแรงเพื่อวินิจฉัยคุณค่าของผลงานนั้นๆ
การวิจารณ์อาศัยหลักแลกฎเกณฑ์ทั้งทางทฤษฎีและเหตุผลข้อเท็จจริงเป็นหลัก
เพื่อการประเมินคุณค่าอย่างเป็นธรรม
8. บทความเชิงวิเคราะห์ (Analytical Article)
บทความเชิงวิเคราะห์เป็นบทความที่มุ่งเสนอการวิเคราะห์เหตุการณ์ใดๆ
โดยเน้นประเด็นสำคัญของเรื่อง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการประเมินคุณค่าเสมอไป
แต่ควรมีข้อเสนอที่ว่า สิ่งที่เกิดขณะนั้นจะนำไปสู่เหตุการณ์อะไรในอนาคตได้บ้าง
ซึ่งการวิเคราะห์จะต้องมีความสมเหตุสมผลในการเขียน นอกจากนั้นอาจสรุปเป็นแนวคิดแก่ผู้อ่านก็ได้
9. บทความเชิงสารคดี (Feature Article)
บทความเชิงสารคดีเป็นบทความที่เขียนแบบสารคดีมีการวิเคราะห์วิจารณ์ควบคู่กันไป
ทำให้มีสาระมากกว่าบันเทิง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
การเอาข้อเท็จจริงที่มีสารมาเขียนในรูปแบบของสารคดีนั่นเอง
10. บทความเชิงวิชาการ (Academic Article)
บทความเชิงวิชาการเป็นบทความที่มุ่งเสนอความรู้เรื่องใด
เรื่องหนึ่งโดยตรง ได้ แก่ รายงานทางวิชาการ รายผลการวิจัย
รายงานการประชุมเชิงวิชาการเป็นต้น
บทความประเภทนี้มีการเสนอสาระอย่างตรงไปตรงมา แต่บางครั้งอาจมีการอธิบายเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่างแก่ผู้อ่านในบางส่วนเท่าที่จำเป็นก็ได้
จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการจำแนกประเภทของบทความในแนวหนึ่ง
ซึ่งตำราบางเล่มอาจแบ่งประเภทของบทความที่แตกต่างไปจากนี้
เช่น เจือ สตะเวทิน แบ่งไว้ 2 ประเภท คือบทความทางการเมืองและบทความเชิงความรู้
นอกจากนั้น วาสนา เกตุภาค ได้แบ่งเป็น 2 ประเภท เช่นกัน คือ บทความทางวิชาการ
และบทความทั่วไป เป็นต้น
ที่มา : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=commuram&month=14-08-2008&group=15&gblog=5